1 : เรียกร้องความช่วยเห ลือตลอดเวลา คุณเรียกร้องให้แต่เขาทำโน่นนี่ให้เสมอ
ไม่ว่าจะเป็นการเปิดขวด เปิดถุงขนม ซ่อมอะไรเล็ก ๆ น้อย ๆ โดยที่ไม่ยอมหั ดเรียนรู้เองเ สียบ้างเลย
2 : คิดว่าเขารักคุณไม่ถึงค รึ่งที่คุณรักเขา คุณคิดว่าคุณรักเขามากจนแทบจะมอบกาย
ถวายชีวิตให้ ทำให้ทุ กอย่ าง (ทั้งที่เขาก็ไม่ได้ขอ) แล้วก็คร่ำครวญ ว่าทำไม..
อีกฝ่ายไม่รักคุณบ้างเลย นั่นแปลว่าคุณติ ดหนึ บเขามากเกินไปแล้วล่ะ
3 : อย ากคุย อย ากอยู่ด้วยกันตลอด ไม่ว่าจะหลังเลิกงานหรือในวันหยุด คุณก็อย ากเอาตัว
ไปติ ดกับเขา หรืออย ากคุยโทรศั พท์กับเขาตลอดเวลา จนเขาไม่มีเวลาทำอะไรอย่ างอื่นเลย
ลองเช็กดูว่า.. คุณเข้าข่ายอาการติ ดแฟนไปกี่ข้อแล้ว ถ้าเกินครึ่งของทั้งหมดนี่ เห็นที
คุณคงต้องปรับตัวใหม่แล้วล่ะ ก่อนที่ความรักจะจบลงอย่ างไม่เป็นท่า เพราะต่อให้แฟนหนุ่ม
รักคุณมากแค่ไหน แต่หากพฤติก รรมของคุณทำให้เขาลำบากใจ คบกันไปก็ไม่มีความสุข
ทุ กข์เพิ่มยิ่งกว่า ก็ย่อมบั่นทอนความรักให้ค่อย ๆ หม ดลงในวันหนึ่งได้อยู่ดีนั่นเอง
4 : ระแวงผู้หญิงทุ กคนรอบตัว กลัวว่าเขาจะไปมีกิ๊ก คุณไม่พอใจเวลาเขาไปเที่ยว
กับเพื่อนฝูงหรือกลุ่มที่มีเพื่ อนผู้หญิง เพราะระแวงว่าเขาจะไปกิ๊กกัน ทั้งที่ความจริงแล้ว
สมัยนี้มีโซเ ชียลเน็ ตเวิร์คมากมาย ถ้าเขาจะนอกใจก็คงทำได้ง่าย ๆ เช่นกัน
5 : ต้องให้เขารายงานตัวหรือสนใจคุณตล อดเวลา เขาไปไหนมาไหนก็ต้องบังคับ
ให้เขาคอยรายงานหรือเฝ้าสนใจคุณอยู่ตลอดเวลา หากเป็นแบบนี้ คุณควรปล่อยให้เขา
มีเวลาของตัวเองบ้างยิ่งคนที่มีโลกส่วนตัวสูง การไปบีบบังคับให้เขารายงานคุณ
ตลอดเวลานั้น เขาจะยิ่งอึดอัดมากเลยนะจะบอกให้
6 : คุณไม่มีชีวิตเป็นของตัวเอง แล้วก็ไม่ยอมให้เขามี ด้วย แทนที่จะออกไปใช้เวลา
กับกลุ่มเพื่อนสาวหรือครอบครัว คุณกลับเอาแต่รอให้เขาชวนไปเที่ยว ยิ่งหากวันไหน
เขาอย ากออกไปเที่ ยวกับเพื่อนฝูงของตัวเอง คุณก็โกร ธไม่พอใจเขาไปอีก
7 : พอเขาไม่ยอมทำตามที่คุณต้องการ ก็ฟูมฟายดราม่า แค่เขาขอไปทำกิจกร รมส่วนตัว
ดูหนังฟังเพลงดูบอลกับเพื่อนบ้าง คุณก็ดราม่าฟูมฟา ยน้ำตาท่วมบ้าน ทำไมไม่ไปหาอะไรทำบ้าง
จะทำผม ทำเล็บ ช้อปปิ้งตามชอบก็ได้นี่นา
ขอบคุณที่มา : kha-yam