1. โหมด Auto หรือบางรุ่นอาจใช้คำว่า I Feel
สำหรับในโหมดนี้นั้นจะเป็นการปรับแอร์ให้อยู่ในโหมด
ที่จะสามารถปรับเปลี่ยนอุณหภูมิได้ตามความเหมาะสม
ทั้งความแรงของพัดลมและความเย็นของแอร์ โดยจะมีการวัดอุณหภูมิ
แล้วมีการปรับได้อย่ างอัตโนมัติตาม สภาพอากาศ ภายในห้องที่เป็นอยู่
2. โหมด Cool
สำหรับโหมดนี้จะแทนด้วยสัญลักษณ์รูปหิมะ จะเป็นปุ่มกดเป็นโหมดที่เรา
จะสามารถกดตั้งอุณหภูมิให้มีความเย็นตามที่ต้องการ กดไปที่โหมดนี้
แล้วทำการกดเปลี่ยนปุ่มขึ้นลงให้ได้ระดับความเย็นที่ต้องการ
3. โหมด Dry
สำหรับในโหมดนี้จะเป็นโหมดที่ช่วยลดระดับความชื้นในห้อง
หากแอร์อยู่ในโหมดนี้จะเป็นสัญลักษณ์ของรูปหยดน้ำ
จะมีความปรับให้ความชื้นในห้องออกมาเป็นหยดน้ำและไหลไปตามท่อแอร์
หากอยู่ในโหมดนี้นั้นจะไม่สามารถกำหนดหรือทำการตั้งอุณหภูมิได้
ซึ่งจะนำเอาความชื้นออกจากในห้องนี้ จะใช้ระบบแอร์ทำการควบแน่น
ความชื้นภายในอากาศ ที่เกิดขึ้นบนแผงทำความเย็น
4. โหมด Fan
โหมดนี้นั้นจะเป็นการตัดระบบการทำงานในส่วนของคอนเดนซิ่งยูนิต ที่อยู่ด้านนอกห้อง
โดยจะใช้งานเพียงชุดคอยล์เย็นซึ่งเราจะสามารถทำการปรับความแรงของพัดลมได้ด้วย
แต่ไม่สามารถที่จะตั้งอุณหภูมิได้ ลมที่ออกมาจากตัวแอร์นั้น จะเป็นลมที่เป็นอุณหภูมิห้องในขณะนั้น
จะเป็นลมที่ไม่มีความเย็น เพราะระบบทำการตัดไม่ให้คอมเพรสเซอร์ทำงาน
และไม่มีน้ำย า แอร์ไหลออกไปยังชุดคอยล์เย็น โดยส่วนมากแล้วโหมดนี้จะใช้
ก่อนปิดแอร์ประมาณ 10-15 นาทีก่อนที่จะทำการปิดแอร์นั้น
นั่นเป็นเพราะว่าจะเป็นโหมดที่ช่วยไล่ความชื้นที่อยู่ภายในป้อง กันปัญหาแอร์มีกลิ่นอับ
5. แอร์เย็นขึ้น ประหยัดเงิ นลงด้วยการเปิดพัดลมช่วย
วิ ธีที่จะทำให้แอร์เย็นเร็วทันใจและยังคงช่วยประหยัดค่าไฟได้ด้วย นั่นก็คือ การเปิดพัดลม
จะช่วยระบายไอเย็นจะกระจายได้อย่ างทั่วห้อง หากรู้สึกไม่ร้อนมากก็สามารถที่จะปรับอุณหภูมิ
ความเย็นขึ้นไปที่ 27-28 องศายังได้เลย จะยังทำให้ในห้องมีความเย็นอยู่
ค่าไฟถูกลงได้และยังได้รับความเย็นจากแอร์และพัดลมด้วย
สำหรับตำแหน่งในการติ ดตั้งแอร์ก็เป็นเรื่องที่สำคัญ
หากเราติ ดตั้งแอร์ในจุดที่มีตู้หรือ/และมีเฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ วางเอาไว้
ก็จะทำให้แอร์ไม่สามารถกระจายความเย็นได้อย่ างทั่วถึงทั้งห้อง การติ ดตั้งแอร์บริเวณ
ที่ติ ด กับผนังที่ได้รับได้รับความร้อนอยู่เป็นประจำ ก็จะทำให้แอร์ทำงานหนักขึ้นค่าไฟแพงขึ้นด้วย
ขอบคุณที่มา : postsod