ในสิ่งที่เรากำลังจะบอกต่อไปนี้ เป็นสิ่งที่กันไว้ดีกว่ามาแก้ทีหลัง
จะมาบอกทีหลังว่าไม่ทันแล้วก็คงไม่ได้
เพราะคุณได้เลื่อนผ่ านมาเจอแต่ความดี ๆ แบบนี้
สำหรับการเดินทางไม่ว่าใกล้หรือไกลก็ตาม เราจะต้องใช้รถใช้ถนนร่วมกับผู้อื่น
ก่อนออกเดินทางควรที่จะทำการเช็คและตรวจสอบสภาพรถของเราให้ดี
มิฉะนั้นแล้วจะเป็นเหมือนกับผู้ใช้รถท่านหนึ่งที่เขาไม่เคยตรวจสอบรถของตัวเองเลย
1. ย างรถยนต์
สำหรับสิ่งแรกให้คุณสังเกตลักษณะภายนอกของตัวรถ ตัวย างรถยนต์
ว่ามีความหนาของด อกย างดีหรือไม่ ไม่น้อยกว่า 3 มิลลิเมตร
ดูว่ามีรอยฉีกรอยข าดหรือเปล่า แล้วอย่ าลืมที่จะหมั่นตรวจสอบดูลมย าง
และขันน็อตให้แน่นอยู่เสมอ แต่ก็ไม่ควรแน่นจนเกินไป
2. ใบปัดน้ำฝน
โดยอายุเฉลี่ยของใบปัดน้ำฝนจะอยู่ประมาณ 2 ปี แล้วแต่สภาพอากาศ
ถ้าสภาพอากาศร้อนจัดอาจจะทำให้ใบย างปัดน้ำฝนเสื่อมสภาพเร็วกว่าปกติ
ดังนั้นแล้วควรที่จะเช็คด้วยการฉีดน้ำย าล้างกระจก เพื่อที่จะดูว่าย างปัดน้ำฝน
ยังใช้งานได้คงสภาพอยู่หรือไม่ ถ้ารู้สึกว่าไม่ดีแล้วก็ควรรีบเปลี่ยน
ใบปัดน้ำฝนมีราคาแค่หลักร้อยเท่านั้น แต่รถของเรามีราคาหลักแสนจนถึงหลักล้าน
3. ระบบเบรก
ระบบเบรก ABS ในรถยนต์รุ่นใหม่ เป็นอุปกรณ์มาตรฐานอยู่แล้ว
ซึ่งระบบดังกล่าวจะช่วยป้องกันไม่ให้ล้อล็อค เมื่อเหยี ยบเบรกเต็มแรง
ซึ่งมีประโยชน์มากบนถนนเปียกลื่น เพราะผู้ขับขี่จะยังคงสามารถควบคุมทิศทางตัวรถ
เพื่อเลี่ยงสิ่งกีดขวางข้างหน้าได้ วิ ธีการตรวจเช็คคือให้ลองหาถนนโล่ง ๆ และปลอดภัย
ขับรถด้วยความเร็วราว 30 กม./ชม. จากนั้นให้เหยี ยบเบรกเต็มแรง
หากได้ยินเ สียงดังจากช่วงล่าง และมีแรงสะท้านที่แป้นเบรกเป็นจังหวะถี่ ๆ
นั่นแสดงว่าระบบเอบีเอสยังคงทำงานได้ดีอยู่ แต่หากได้ยินเสี ยงย าง
บดถนนดังเอี๊ยดย าว ๆ นั้นก็แปลว่า ABS มีปัญหา ต้องแก้ไข
4. ระบบไฟ
ระบบไฟส่องสว่างถือเป็นสิ่งจำเป็นอย่ างยิ่งในขณะฝนต ก คุณจึงควรตรวจเช็คหลอดไฟทุ กจุด
ทั้งไฟหน้า ไฟท้าย ไฟเลี้ยว รวมถึงไฟตัดหมอกหน้า-หลัง เพราะจะช่วยให้รถคันอื่น
สามารถมองเห็นคุณได้ง่ายขึ้น ท่ามกลางทัศนวิสัยที่ย่ำแ ย่ แต่หากหลอดไฟติ ดเพียงข้างเดียว
อาจทำให้รถคันที่วิ่งตามมา เข้าใจผิดว่ารถคุณคือมอเตอร์ไซค์ เสี่ ยงก่อให้เกิดเหตุตามมาได้
5. เช็คระบบปรับอากาศ
สภาพอากาศ อากาศร้อนถึงร้อนมากโดยส่วนใหญ่ การเตรียมความพร้อมให้ระบบปรับอากาศ
สามารถทำความเย็นได้ตามปกติถือเป็นสิ่งที่ควรดูแลเป็นอย่ างมาก โดยมากระบบปรับอากาศ
จะเริ่มอุดตันจากการไม่ได้ดูแลเรื่องกรองแอร์ ซึ่งเป็นสาเหตุให้รถมีกลิ่นและไม่เย็นอย่ างที่ควรจะเป็น
ถ้าเป็นไปได้ ควรเปลี่ยนกรองแอร์ทุ ก ๆ 1 หมื่นกิโลเมตรเช่นกัน จะทำให้แอร์เย็นและอากาศ
ในรถสดชื่นยิ่งขึ้น ทั้งนี้ การเปิดกระจกขณะขับรถ มีส่วนทำให้กรองแอร์ตันและไม่สะอาดเร็วยิ่งขึ้น
6. อะไหล่สำรอง
ตรวจดูอีกครั้งว่าย างอะไหล่และแม่แรงเก็บอยู่ตำแหน่งใด
ตรวจเช็คลมย างอะไหล่ และให้แน่ใจว่าแม่แรงและด้ามขันใช้งานได้ตามปกติ
7. ระดับน้ำระบบต่าง ๆ
ระดับน้ำหล่อเย็น ควรจะมีอยู่ถึงระดับสูงสุดในถังพักสำรอง หม้อน้ำควรดูว่า
ด้านหน้าหม้อน้ำหมดจดไม่มีเศษวัสดุ หรือใบไม้ติ ดอยู่
ดูท่อย างว่ามีรอยแยกเปื่อย มีรอยฉีกข าดหรือหลวม
8. แบตเตอรี่และสายไฟ
ตรวจดูและเติมน้ำกลั่นให้ได้ระดับที่กำหนด ดูเปลือกแบตเตอรี่ว่า
มีร่องรอยเสี ยหายหรือไม่ ตรวจดูขั้วต่อและสายไฟว่าอยู่ในสภาพดีหรือไม่
9. เข็มขัดนิรภัย
ตรวจเช็คว่าหัวเข็มขัดสามารถล็อคได้เรียบร้อย สายเข็มขัดมีรอยฉีดข าดหรือไม่
10. แตร
ลองกดดู ให้แน่ใจว่าเสี ยงแตรดังชัดเจนดีหรือไม่
11. เช็คน้ำมันเครื่อง
ส่วนสำคัญอีกส่วนหนึ่งสำหรับเครื่องยนต์ นั่นคือ น้ำมันเครื่อง ถือเป็นส่วนสำคัญเป็นอย่ างมาก
โดยให้ดึงก้านเช็คน้ำมันเครื่องในขณะที่ดับเครื่องยนต์ทุ กครั้งเพื่อเช็คระดับน้ำมันเครื่อง
ระดับน้ำมันเครื่องควรอยู่ไม่ต่ำกว่าระดับที่ก้านระบุไว้ โดยสามารถเติมน้ำมันเครื่องเพิ่มลงไปได้
หากน้อยกว่าที่ระบุ นอกจากนี้ น้ำมันเครื่อง ควรทำการเปลี่ยนถ่ายทุ ก ๆ 1 หมื่นโล
เพื่อประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ และถนอมส่วนประกอบต่าง ๆ ภายในเครื่องยนต์
ไม่ว่าจะเป็นลูกสูบ เสื้อสูบ ข้อต่อต่าง ๆ
12. เช็คน้ำมันเบรก
น้ำมันเบรกจะช่วยหล่อลื่นส่วนต่าง ๆ ในระบบเบรก เนื่องจากต้องมีการสีของส่วนต่าง ๆ ในระบบเบรก
ไม่ว่าจะเป็น ลูกสูบ ลูกย าง ภายในแม่ปั๊มเบรก ลูกปั๊มเบรก ถ้าหากน้ำมันเบรกรั่ว หรือไม่เพียงพอ
จะเกิดการสึกหรอ จนกระทั่งไม่สามารถเบรกได้ หรือที่เราเรียกกันง่าย ๆ ว่า “เบรกแต ก”
โดยมากกระบอกเก็บน้ำมันเครื่องจะอยู่บริเวณตอนหน้าของห้องเครื่อง เราสามารถสังเกตได้
จากภายนอกว่าน้ำมันเบรกข าดหรือไม่ โดยควรให้อยู่ในระดับที่ไม่ต่ำกว่า Min
หากน้ำมันเบรกเริ่มน้อยลง มีความเป็นไปได้ถึงผ้าเบรกเริ่มสึกหรอลง
ควรตรวจสอบผ้าเบรกด้วยว่ายังเหลือเพียงพอหรือไม่
13. เตรียมเบอร์โทรศัพท์ฉุ กเฉินไว้เสมอ
ติ ดเบอร์โทรศัพท์ฉุกเฉินไว้ในรถเสมอเมื่อต้องเดินทางไกล
ทั้งนี้ทั้งนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดในการขับขี่รถยนต์ก็คือ การเคารพกฎจราจร
มีความระมัดระวั งในการขับขี่ ไม่ควรที่จะขับขี่ด้วยความเร็วสูง
เว้นระยะห่างระหว่างคันหน้าให้พอดี มีน้ำใจให้กับเพื่อนร่วมทาง
ง่าย ๆ เท่านี้คุณก็จะขับรถอย่ างมีความสุข
ขอบคุณที่มา : postsod