เมื่อเราปลูกอะไร ย่อมได้ผลออกมาเป็นเช่นนั้น
เมื่อคุณปลูกความพากเพียร คุณก็จะได้รับ “ความสำเร็จ”
เมื่อคุณปลูกความซื่อสัตย์ คุณก็จะได้รับ “ความไว้วางใจ”
เมื่อคุณปลูกความอ่อนน้อมถ่อมตน คุณก็จะได้รับ “การยอมรับ”
เมื่อคุณปลูกการทำงานหนัก คุณก็จะได้ “ผลลัพธ์ที่ยิ่งใหญ่”
มันคือกฏของธรรมชาติ เหมือนเราปลูกต้นไม้ชนิดไหน
ย่อมได้กินผล ของต้นไม้ชนิดนั้น
หว่านผลเช่นไร ย่อมได้รับผลเช่นนั้น
ถ้ามองในเรื่องของกร รม คือ เว รกร รมที่เราทำอะไรไม่ดีไว้
ทำให้เราต้องทุ กข์ใจ หรือต้องเจอคนไม่ดี ชีวิตต กต่ำ
ถ้ามองในแง่ของวิทย าศาสตร์ ก็อาจจะบอกได้ว่า
เคยไปทำอะไรไว้กับเขา ก็เลยได้รับผลอย่ างนั้น
ทุ กอย่ างมีเหตุและผลประกอบกันเสมอ
คนที่ไม่มีความหนักแน่น ไม่รู้จักพอในสิ่งที่มี ต้องไขว่ขว้าตลอดเวลา
ก็ใช้ชีวิตได้ไม่มีความสุข ต้องทุ กข์ใจและพ่ายแพ้กิเลสตัวเอง
ไม่ว่าอย ากจะหนียังไง ก็หนีไม่พ้น เพราะทำตัวเอง
อย ากจะมีชีวิตที่ดี แต่ไม่เคยสะสมบุญบารมี ใครที่ไหนจะมาช่วย
เป็นทุ กข์เพราะการกระทำตัวเอง
สุดท้ายก็จะไม่เหลืออะไรให้ภาคภูมิใจแม้แต่เงาของตัวเอง
เมื่อคุณปลูกการให้อภั ย คุณจะได้รับ “การคืนดี”
เมื่อคุณปลูกความดี คุณจะได้รับ “ความสุข”
ดังนั้น หากคุณอย ากได้อะไร ก็จงปลูกสิ่งนั้น
กฏของกระจก คือ สะท้อนความจริง
กฏของเวลา คือ ไม่หมุนย้อนกลับ
กฏของเ วรกร รม คือ ทำอะไรได้อย่ างนั้น
ขอบคุณที่มา : bitcoretech