1. การกู้บ้านด้วยบูโรขาว ลำบากมาก
ย้อนกลับไปเมื่อ 2 ปีก่อน เขาไม่เคยกู้อะไรเลย ทำให้ไม่มีประวัติในการชำระอะไรเลย และการกู้บ้านก็เป็นเรื่องที่ใหญ่มาก โดยปกติแล้วคนส่วนใหญ่จะมีประวัติในการผ่อนรถยนต์มาก่อน ทางธนาคารก็จะสามารถดูประวัติการผ่อนได้จากรถ ว่าเรามีพฤติกร รมในการผ่อนที่สม่ำเสมอไหม แต่เขาไม่เคยมีประวัติการผ่อน แม้แต่บัตรเครดิต ก็ยังไม่มี และยังทำงานอิสระด้วย จึงมีโอกาสสูงมากที่จะกู้ไม่ผ่ าน แต่โ ชคดีที่มีพ่อทำงานรัฐวิสาหกิจ ให้มากู้ร่วมจึงผ่ านได้
2. เทคนิคการผ่อนบ้านในแบบของเรา
ตอนที่กู้มา 2 ล้าน (ราคาขายบ้าน 2.2 + รีโนเวท 1.1 รวม 3.3 ล้านบาท) จึงทำให้ต้องกลับมานั่งคิดว่าจะเอาเงิ นไปไว้ตรงไหนให้คุ้มค่าที่สุด เพราะปีแรก ด อกเบี้ยจะยังคงที่ 0.9 % ปี 2-3 Mrr – 3.25 ประมาณ 2.97 %
ทำให้มองว่า ด อกเบี้ยในปีแรกถูกกว่าเงิ นฝาก 1.5% ของอีกธนาคารที่เขาได้ฝากไว้ ใน 12 เดือนแรกจึงผ่อนไปตามปกติ เก็บเงิ นสด 300,000 บาทเอาไว้ (อันนี้ก็แล้วแต่มุมมองของแต่ละคน เพราะบางคนก็มองว่า 0.9 % ของ 2 ล้าน เยอะกว่าเ งิน 1.5 % ของ 3 แสน แต่ต้องดูว่าตรงไหนเราจะได้ประโยชน์มากที่สุด)
ในปีที่ 2 เขาได้เริ่มโป๊ะบ้าน แบบหนักมาก ๆ มีเท่าไหร่ก็โป๊ะให้หมด และตรงกับว่าปีที่ 2 เกิดโควิด-19 จึงทำให้ทางธนาคารได้ออกนโยบายหยุดพักชำระ และลดด อกเหลือ 0.5% เป็นเวลา 3 เดือน (เมษา-กรกฎา) จึงได้มีโอกาสมาปิดยอดบ้านในช่วงเดือนนี้พอดี
3. วิ ธีแก้ไขสภาพคล่อง
อาจจะไม่ได้ลำบากเท่าไหร่ เพราะเขานั้นเป็นคนที่มีนิสัยประหยัดอยู่แล้ว แต่สำหรับคนอื่นก็อาจจะต้องฝึกใช้ชีวิตแบบประหยัดให้ชิน และเขาก็สามารถขับรถมอเตอร์ไซต์ไปทำงานได้ เลยไม่ได้คิดที่จะซื้อรถยนต์เพื่อเพิ่มภาระตรงนี้ แต่วิ ธีการก็ขึ้นอยู่กับการใช้ชีวิตของใครของมัน เพราะบางคนก็อาจจะจำเป็นที่จะต้องใช้รถยนต์ในการทำงาน หรือเพื่อสร้างรายได้ให้เงิ นงอกเงย ซึ่งเขาได้เฉลี่ยใช้เงิ นต กวันละ 150-200 บาท พย าย ามจะไม่ใช้เกินนี้
และด้วยวิ ธีการใช้ชีวิต และแนวทางของเขาที่มุ่งมั่นตั้งใจที่จะปิดบ้านให้ได้เร็วที่สุด เพื่อที่จะไม่ต้องแบกรับด อกเบี้ยในระยะย าว จึงทำให้เขาสามารถผ่อนบ้านที่กู้มาได้ในราคา 2 ล้าน ให้หมดภายใน 1.7 ปี ได้ในที่สุด
ทางด้านคุณ Mr.Worldwide สมาชิกเว็บไซต์พันทิปด อทคอม ก็ได้แชร์ประสบการณ์วิ ธีผ่อนบ้านและคอนโด ที่เขาเคยทำมาเช่นกัน ซึ่งเขาทำมาตั้งแต่ยังมีเ งินเดือนแค่ 14,000 บาท จนเปลี่ยนงานและมีรายได้เพิ่มขึ้นหลายเท่า
วิ ธีคิด : ให้เรามองหาสินทรัพย์ ไม่ว่าจะเป็นบ้านหรือคอนโดที่เราชอบ และเขาได้ซื้อบ้านในราคา 4 ล้าน และกู้เงิ นธนาคาร โดยที่เขามีเงิ นเดือนอยู่ประมาณ 55,000 บาท สมมติว่าเขาต้องผ่อน 20,000 บาท ให้คิดไว้ว่าต้องผ่อนเป็น 2 เท่า ให้ได้ นั่นคือ 40,000 บาท จึงค่อยตัดสินใจซื้อ
ซึ่งถ้าเราคิดจะผ่อนแค่งวดละ 20,000 บาท ไปเรื่อย ๆ ก็ไม่เป็นไร แต่ก็ต้องผ่อนไป 25-27 ปี ถึงจะหมดอยู่ดี
วิ ธีผ่อนให้หมดเร็ว : สมมติว่าเราผ่อนเดือนละ 20,000 บาท
– ด อกเบี้ย = 12,000 บาท
– (หัก) เงิ นต้น = 8,000 บาท (ตีเลขกลม ๆ)
เท่ากับว่า (4,000,000-8,000 = 3,992,000) นี่คือการผ่อนต่อเดือนไปเรื่อย ๆ แล้วเมื่อไหร่จะหมด กู้ไป 4 ล้าน
แต่ถ้าเราผ่อน 2 เท่า ตามวิ ธีคิดที่ได้ให้ไว้ก็คือ 40,000 บาท และเก็บไว้กินไว้ใช้อีก 15,000 บาท (หากใครมีรายได้น้อยกว่านี้ ก็ให้ดูสินทรัพย์ที่ถูกลงมา พอที่เราจะจ่ายได้ 2 เท่า โดยที่ไม่ลำบากการใช้ชีวิตจนเกินไป)
– 20,000 บาทแรก (ด อกเบี้ย 12,000 บาท+หักเงิ นต้น 8,000 บาท)
– 20,000 บาทหลัง (หักเงิ นต้น 100% หรือหักไปเลยอีก 20,000 บาท)
เท่ากับว่า เราสามารถหักเงิ นต้นเดือนนั้นได้ถึง 8,000+20,000 บาท หรือ “3.5 เท่า” ของการหักโดยปกติ (4,000,000-28,000 = 3,972,000)
นี่คือข้อดีของการวางแผนซื้อสินทรัพย์ โดยการมีหลักคิดผ่อนให้ได้ 2 เท่าของแต่ละเดือน เพื่อที่เงิ นต้นจะได้ลดลงเร็วขึ้น เพราะเราได้จ่ายด อกเบี้ยสำหรับค่างวด 20,000 บาทแรกแล้ว และก้อนที่สองก็จะเป็นการจ่ายเงิ นต้นทั้งหมดนั่นเอง จะทำให้เราปิดยอดได้เร็วขึ้นหลายสิบปีเลยล่ะ และยิ่งถ้าได้รับโบนัส หรือมีรายได้พิเศษเพิ่มเข้า ก็รีบเอาไปโป๊ะ ก็จะยิ่งลดต้นได้เร็วกว่าเดิม
แล้วพอครบ 3 ปี เราก็ค่อยไปรีไฟแนนซ์กับธนาคารอื่นที่เราจ่ายด อกเบี้ยน้อยกว่า เพื่อโปรโมชั่นด อกเบี้ยที่ถูกลง แต่ไม่ควรทำก่อน 3 ปี เพราะจะโดนค่าปรับได้ ซึ่งไม่คุ้มแน่นอน
หวังว่าข้อมูลเหล่านี้จะเป็นประโยชน์สำหรับคนที่กำลังมองหาสินทรัพย์ และต้องการที่จะกู้เงิ นซื้อบ้าน ให้สามารถสร้างสินทรัพย์ได้ในระยะเวลาที่รวดเร็วภายในไม่กี่ปี แทนที่จะต้องใช้เวลา 25-30 ปี ซึ่งการผ่อนอะไรนาน ๆ เป็นอะไรที่เหนื่อยมาก ๆ แล้วยังต้องเสี ยด อกเบี้ยในระยะย าวอีกด้วย
ขอบคุณที่มา : newsonlinezone