1. ทำบัญชีค่าใช้จ่ายเพื่อเปรียบเทียบสมดุลของรายได้และรายจ่าย
จริง ๆ สิ่งนี้เป็นหัวข้อคลาสสิคที่สุดสำหรับการสร้างวินัยทางการเ งิน
เพราะมันจะบอ กคุณเลยว่า ในแต่ละเดือนคุณมีรายได้เข้ามาเท่าไร
และคุณเสี ยเงิ นไปกับเรื่องอะไรบ้าง คุณจะได้เข้าไปจัดการกับรายจ่ายที่ไม่จำเป็นเหล่านั้น
2. ปรับพฤติก ร ร มสิ้นคิดบางอย่ างลง
ถ้าแม้คุณจะมีบัญชีรายรับรายจ่าย หรือคุณจะรู้และเข้าใจความผิ ดพลาดที่เกิดขึ้นในอ ดีต
แต่ถ้าคุณยังไม่ยอมเปลี่ยนพฤติก ร ร มตัวเอง มันก็แทบจะไม่มีประโยชน์อะไรเลย
แล้วคุณก็ไม่อาจหลุดพ้นจากวังวนนั้นแน่นอน จำไว้ว่าการจะเปลี่ยนแปลงตัวเองได้
คุณต้องอาศัยความอ ดทน และความตั้งใจอย่ างมาก
3. สำรวจข้อผิ ดพลาดในอ ดีตของตัวเองว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
ก่อนจะใช้ห นี้ได้ คุณต้องเข้าใจเสี ยก่อนว่า มันเกิดอะไรขึ้นกับคุณบ้าง
คุณจะได้เข้าไปแก้ไข อย่ างตรงจุด ถ้าคุณไม่สำรวจความผิ ดพลาดในอ ดีต
เชื่อเถอะว่าในไม่ช้าวังวนเดิม ๆ จะกลับมาหาคุณอย่ างแน่นอน
4. บริหารเงิ นที่เหลือจากการตัดรายจ่ายนั้นอย่ างมีประสิทธิภาพ
จริง ๆ แล้วมันไม่ใช่แค่การบริหารเ งินที่เหลือจากการจัดการรายจ่ายที่ไม่จำเป็นนั้นอย่ างเดียว
คุณควรจะวางแผนการเงิ นตั้งแต่แรกด้วยซ้ำ เงิ นที่ได้เพิ่มมานั้น คุณควรจะวางแผนดี ๆ
ว่าแต่ละส่วนคุณจะจัดการอย่ างไรส่วนไหนเก็บ ส่วนไหนกันไว้ใช้ห นี้ คุณต้องแบ่งแต่ละส่วนให้ชัดเจนครับ
5. พูดคุยให้ชัดเจนถึงเหตุผลที่เราต้องหยิบยืมเงิ นเพื่อน ยืมเ งินญาติ
การจะขอความช่วยเหลือจากใครสักคน สิ่งแรกคือคุณต้องชัดเจน อย่ าอมพะนำไม่พูดความจริง
คนที่จะช่วยเหลือจึงจะทราบสถานการณ์และความจำเป็นของคุณโดยละเอียด
และควรกำหนดเวลาใช้คืนให้ชัดเจนว่าคุณพร้อมใช้คืนเมื่อไหร่ และที่สำคัญ
เมื่อได้รับความช่วยเหลือมาแล้ว อย่ าได้ห า ยหน้าห า ยต าไปอย่ างเด็ดข า ด
แม้จะยังไม่ถึงกำหนดชำระก็จงติ ดต่อ กับเพื่อนเพื่อแสดงความจริงใจตลอ ดเวลา
หากคุณยังติ ดขัดอะไรอยู่จงบอ กเหตุผลกับเพื่อนหรือญาติเสมอ
การห า ยเข้ากลีบเมฆ คุณกำลังทำล าย ตัวเองและความน่าเชื่อถือของตัวเองอย่ างน่าอ ดสูที่สุด
6. ถ้าบริหารแล้วยังไม่พอก็ต้องหารายได้เพิ่ม
สำนวนที่ยังคงเป็นจริงเสมอคือประโยคที่ว่า ‘หาให้มากกว่าใช้’ ถ้าคุณบริหารทุ กอย่ างแล้ว
ยังไม่เป็นไปต ามเป้า คุณก็ควรจะหารายได้เพิ่มเติมครับ สำรวจว่าคุณมีศักยภาพอะไร หรือถนัดอะไร
และมันพอจะเอามาเป็นวิ ธีหารายได้เพิ่มเติมได้ หรือไม่แล้วจงลงมือทำเ สีย
เอาเวลาที่มานั่งเครียดนั่งกุมขมับมาหาเ งินเพิ่มดีกว่าครับ
ขอบคุณที่มา : postsabaidee