ณ ริมทาง มีร้านกาแฟเล็ก ๆ อยู่ร้านหนึ่ง มีที่นั่งเป็นโต๊ะย าวหน้าร้านเหมือนบาร์ มีเก้าอี้วางเรียงกันอยู่ 4-5 ตัว
หญิงสาว 2 คน นั่งดื่มกาแฟอยู่บาร์หน้าร้าน โดยหญิงสาวที่มาทีหลัง ก็สั่งกาแฟ พร้อมกับวางร่มที่ถือมาด้วยพิงไว้ที่เก้าอี้
หญิงสาวคนแรกดื่มกาแฟจนหมดด้วยความเร่งรีบ จากนั้นก่อนลุกออกจากร้าน ก็ได้หยิบร่มออกไปด้วย
หญิงสาวคนที่สองร้องทัก “คุณคะ นั่นร่มของฉันค่ะ” พร้อมมองค้อนใส่
หญิงสาวคนแรกมองแบบเขิน ๆ พร้อมพูดว่า “จริงด้วย วันนี้ฉันไม่ได้ถือร่มมาด้วยหนินะ
ขอโ ทษนะคะ ลืมไปเลย” เธอวางร่มคืนที่เดิม แล้วเดินออกจากร้านไป
เมื่อหญิงสาวคนแรกกำลังจะไปรับลูกที่โรงเรียน เห็นฝนกำลังจะต ก จึงแวะเข้าร้านขายของเพื่อซื้อร่ม
และเธอก็ได้ซื้อเผื่อให้ลูกด้วย เป็น 2 คัน แล้วเธอก็ขึ้นรถเมล์เพื่อจะไปรับลูกที่โรงเรียน
แต่เมื่อขี้นมาบนรถ หญิงสาวคนแรก ก็ได้พบกับหญิงสาวคนที่สองที่เจอกันอยู่ร้านกาแฟริมทางเมื่อสักครู่
หญิงสาวคนที่สองมองไปที่มือของหญิงสาวคนแรก แล้วยิ้มเย าะ จากนั้นก็พูดขึ้นว่า
“วันนี้แอบเนียนเอาร่มของคนอื่นมาได้เยอะเลยนะ”
หญิงสาวคนแรกรีบปฏิเสธ “ไม่ใช่นะคะ ร่ม 2 คันนี้ ฉันเพิ่งไปซื้อมาเมื่อกี้เอง”
หญิงสาวคนที่สองจึงตอบกลับว่า “เมื่อกี้เธอก็ยังแอบหยิบร่มของฉันเลย ถ้าฉันไม่เห็นก่อน เธอก็คงเอาไปแล้วแหละ”
คนทั้งรถต่างก็มองมาที่ญิงสาวทั้งสอง และพากันคิดไปว่า หญิงสาวคนแรกขโ มยร่มของคนอื่นมาจริง ๆ
หลายคนมักจะตัดสินคนอื่น เพียงเพราะสิ่งที่เห็นแค่ไม่กี่นาที ทั้ง ๆ ที่ยังไม่รู้จักคนคนนั้นดี หรือยังไม่รู้ความจริงด้วยซ้ำ
โดยเฉพาะถ้าเรามีความทรงจำที่ไม่ดีกับใคร เราก็จะมองสิ่งที่เขาทำไม่ดีไปหมดทุ กอย่ าง
เหมือนกับความเชื่อที่เรามักถูกปลูกฝังกันมาจนคิดไปแบบนั้นจริง ๆ เช่น
รถคันไหนที่ขับไม่เก่ง ดูเก้งก้าง คนขับต้องเป็นผู้หญิง
รถคันไหนขับเร็ว ใจร้อน คนขับต้องเป็นผู้ชาย
พ่อค้า แม่ค้า เป็นพวกปากจัดปากร้ าย ชอบโ กงตาชั่ง
เรามักไปตัดสินใครต่อใครด้วยอคติของเราก่อนเสมอ ซึ่งมักจะทำให้เกิดความเข้าใจผิดได้ง่าย
และเราก็อาจจะเป็นอคติของคนอื่นด้วยเช่นกัน หยุดตัดสินคนอื่น
แล้วพูดคุยสอบถามเพื่อหาความจริงกัน ลดความขัดแย้งจะดีกว่า
ขอบคุณที่มา : bitcoretech