1. อย่ าห่วงแค่ขอบเขตงานของตัวเอง
คนที่จะเป็นเถ้าแ ก่ หรือเจ้าของธุรกิจ เขาจะไม่มองแค่งานของตัวเอง แต่จะมองถึงภาพรวมทั้งหมดของทุ กฝ่าย
ที่กว่าผลงานหนึ่งชิ้นจะออกมาสำเร็จนั้น มันไม่ได้มีแค่ส่วนเดียว ดังนั้นในขณะที่เราเป็นลูกจ้าง
เราต้องเริ่มเปลี่ยนแนวคิดตั้งแต่ตอนนี้ ไม่ห่วงแค่ขอบเขตงานของตัวเอง แต่ช่วยเหลือขอบเขตงานของผู้อื่นด้วย
หากไม่เหนือบ่ากว่าแรง และยิ่งเราสามารถทำได้หลายส่วนประกอบ เท่ากับว่าเราก็จะมีความรู้และเชี่ยวชาญในส่วนอื่น ๆ
ไม่ใช่แค่หน้างานของตัวเองส่วนเดียว ซึ่งมันก็ส่งผลดีกับเราในอนาคตหากอย ากที่จะเป็นเถ้าแ ก่เองบ้าง
2. ฝึกทำงานให้หนักเข้าไว้
การที่เราจะเป็นเจ้าของธุรกิจ หรือเถ้าแ ก่ ไม่ใช่ว่าอย ากจะเป็นก็เป็นได้ เราต้องอาศัยประสบการณ์หลาย ๆ อย่ าง
และความพย าย ามอย่ างมาก และยิ่งเป็นธุรกิจของตัวเองก็ยิ่งต้องทุ่มเทสุดชีวิต ดังนั้นจะเหนื่อยมากขึ้นกว่าตอนเป็นแค่พนักงาน
หากอย ากจะก้าวไปสู่เถ้าแ ก่ ก็ต้องฝึกที่จะทำงานหนักอย่ างสม่ำเสมอ
3. ทำงานให้มีคุณภาพ
แต่การทำงานหนัก โดยไร้ประสิทธิภาพก็ไม่ใช่ผลงานที่ดี ดังนั้นเราต้องทำงานหนักและให้มีคุณภาพด้วยเช่นกัน
เจ้าของบริษัทแห่งหนึ่งได้เล่าให้ฟังว่า พ่อของเขาเคยสอนเขาทาสี แม้แต่พื้นที่ด้านที่ไม่มีคนมองเห็น
เพราะพ่อบอกว่า “เราต้องใส่ใจในคุณภาพของผลงาน แม้ในจุดที่ไม่มีใครมองเห็นมันก็ตาม”
เราก็ควรจะเต็มที่กับการทำงานในทุ กส่วน ถึงแม้จะไม่ใช่ส่วนที่โชว์ให้เห็น แต่มันคือการทำงานออกมาได้อย่ างสมบูรณ์แบบ
4. มีความคิดริเริ่มต่าง ๆ
คนที่ประสบความสำเร็จได้ มักเริ่มต้นจากไอเดียใหม่ ๆ ที่ไม่มีใครคิด หรือยังไม่มีใครเคยทำมาก่อน
เพราะมันจะเป็นอะไรที่ดึงดูดและน่าสนใจมากกว่าสิ่งเดิม ๆ ที่เคยมีอยู่แล้ว
หากเราอย ากประสบความสำเร็จหรือเป็นเถ้าแ ก่แบบคนอื่น เราก็ต้องมีความคิดริเริ่มทำอะไรสักอย่ างตั้งแต่ตอนนี้
5. ใช้คำพูดโน้มน้าวคนให้เป็น
ทักษะการพูด ก็เป็นสิ่งสำคัญในการที่จะไปเป็นเถ้าแ ก่ หรือเจ้าของธุรกิจเช่นกัน การที่เราสามารถพูดเพื่อโน้มน้าวคนอื่นได้
จะทำให้เราคุมลูกน้องและทำงานได้ง่ายยิ่งขึ้น เพราะถ้าหากเราไม่มีทักษะในการพูดที่ดีแล้ว
ก็ย ากที่จะทำให้คนอื่นเชื่อถือและให้ใจในการทำงานร่วมกัน ดังนั้นเราก็ควรที่จะฝึกฝนทักษะการพูดโน้มน้าวใจคนให้เป็นด้วย
แม้ตอนนี้จะยังเป็นลูกจ้างอยู่ก็ตาม แต่เชื่อเถอะว่าทักษะนี้จะเป็นประโยชน์กับคุณในอนาคตอย่ างแน่นอน
ขอบคุณที่มา : bitcoretech