Home เรื่องน่ารู้ ความจริงที่ได้รู้ จากการทำงานหนัก

ความจริงที่ได้รู้ จากการทำงานหนัก

13 second read
ปิดความเห็น บน ความจริงที่ได้รู้ จากการทำงานหนัก
0
611
1. หยุดคาดหวัง “ความยุติธรรม” จากการทำงานหนัก

ก่อนอื่นผมขอบอกเลยว่า ในการทำงานทุ กประเภท จงเลิกคาดหวัง

ที่จะพบคำว่า “ความยุติธรรม” จากสังคมการทำงานเป็นลำดับแรก

และถ้าหากคุณมองว่าตัวเองเป็น “คนทำงานหนัก” คุณจงถามตัวเองต่อไปว่า

“แล้วผลของงานที่ได้รับจากการทำงาน” นั้นเกิดจากการทุ่มเทแรงใจแรงกายอย่ างเต็มที่

หรือ เป็นแค่ข้ออ้างของการข าดประสิทธิภาพในการทำงาน

 

เมื่อเกิด “ความผิ ดพลาด” อย่ ามัวเสี ยเวลาหาคำตอบที่เข้าข้างตัวเอง

เพราะยิ่งคุณหาคำตอบเพื่อให้ตัวเอง “สบายใจ” มากขึ้นเท่าไร

ความห่างไกลที่เกิดขึ้นระหว่างคุณกับความสำเร็จมันจะยิ่งไกลออกไปทุ กที ๆ

เพราะชีวิตจริงไม่มีคำว่า “ยุติธรรม” มีแต่คุณต้องรีบ “ทำ” เพื่อให้ปัญหามัน “ยุติ”

แต่ถ้าหากคุณเป็นคนทำงานหนักที่เปี่ยมไปด้วยประสิทธิภาพ แต่กลับโดนมองข้ามอย่ างไม่เหลียวแล

 

จงอย่ าหวังให้หัวหน้ามองเห็นความดีหรือประสิทธิภาพ อย่ าฝันให้หัวหน้าเปลี่ยนใจ

จากการมองคนที่ “ปาก” มาเป็นการมองที่ “หัวใจ” เพราะมันไม่มีประโยชน์อะไร

แถมคุณจะหมดกำลังในสิ่งที่คุณทำ ถ้าคุณมีความสามารถขนาดนั้น ผมว่าเอาเวลาไปสร้างสรรค์งานให้ดีขึ้น

หรือ หาองค์กรใหม่ที่เหมาะสมกับตัวคุณจะดีกว่า สุดท้ายแล้ว… ความยุติธรรมนั้นหันหน้าให้กับผู้ชนะเสมอ

 

2. รีบเก็บเกี่ยว “ประสบการณ์” ผ่ านการ “ทำงานหนัก”

ถ้าคุณเป็นคนทำงานหนักอย่ างมี “ประสิทธิภาพ” ผมเชื่อว่า

สิ่งที่คุณได้รับตามมาคือ “ประสบการณ์” อย่ างล้นเหลือ

ถึงขั้นมีคำกล่าวไว้ว่า “ถ้าเราใช้เวลาทำสิ่งที่เราสนใจเพียงวันละ 20 นาที

เราจะเชี่ยวชาญในสิ่งนั้น ๆ เป็นอย่ างดีในอีกไม่ช้า” สำหรับ “การทำงานหนัก” แล้ว

ต่อให้คุณไม่สนใจ มันก็ตาม แต่คุณต้อง “จำใจ” ทำมันทั้งวันอยู่ดี

 

บางคนอาจจะต้องทำงานมากกว่าวันละ 12 ชั่ ว โ ม ง เสี ยด้วยซ้ำ แต่แทนที่คุณจะบ่นไปวัน ๆ ว่างานหนัก

แต่คุณควรถามตัวเองกลับว่า “แล้วเราได้รับอะไรจากการทำงานหนัก” บ้างหรือเปล่า

จากประสบการณ์ของคนใกล้ตัวของผม ให้นิย ามคำว่า “การทำงานหนัก” ของแต่ละคนไม่เหมือนกัน

 

บางคนทำงานหนักเพราะระหว่างวันใช้เวลาไปโดยเปล่าประโยชน์ บางคนทำงานหนัก

ด้วยความตั้งใจและแน่นอนสิ่งเหล่านั้น คือ แหล่ง “ประสบการณ์” ชั้นดีที่คุณ “เลือก” ที่จะได้รับ

ในทุ ก ๆ สถานการณ์ ถ้าคุณเลือกที่จะ “บ่น” คุณก็จะไม่ได้อะไร แต่ถ้าคุณเลือกที่จะ “ค้นหา” คุณอาจจะเจอเพชรล้ำค่าในตัวคุณ

แต่ถ้าหากคุณไม่ได้อะไรจากการทำงานหนักเลยแม้แต่นิด คุณควรถามตัวเองด้วยคำถามว่า… “คุณใช้ชีวิตแบบนี้ได้อย่ างไร”

 

3. ในโลกใบนี้ มีคน “ทำงานหนัก” มากกว่าคุณอีกมากมาย

เมื่อไรที่คุณมองตัวเองว่าคุณทำงานหนัก จงหันมองไปรอบตัว ๆ สังเกตดูครับว่า

“ยังมีคนที่ทำงานหนักกว่าคุณ” อีกมากมายแค่ไหน

โดยเฉพาะคนที่ประสบความสำเร็จในชีวิตทั้งหลายที่คุณยึดเป็นแบบอย่ าง

ล้วนต้องผ่ านประสบการณ์ทำงานหนัก มาเพื่อให้ชีวิตพวกเขาสบายอย่ างในทุ กวันนี้

 

แต่มันช่างน่าขำตรงไหนรู้ไหมครับ… มันเป็นเพียงเพราะคุณเลือกมองเห็น

สิ่งที่เรียกว่า “ความสำเร็จ” จากเปลือกของความร่ำร วยความสบายในวันนี้

จนมองข้ามแ ก่นที่เขาเหล่านั้นได้รับจากการทำงานหนักแทน จริงอยู่ที่ว่า

การทำงานหนัก (Work Hard) ต่างกับการทำงานอย่ างฉลาด (Work Smart)

 

แต่ถ้าคุณอย ากจะประสบความสำเร็จ คุณจงเลือกทำงานหนักอย่ างฉลาด

แล้วทุ กโอกาสในชีวิตจะเป็นของคุณอย่ างแน่นอน

ทุ กครั้งที่แหงนมองท้องฟ้า สายตาเรามองเห็นสายรุ้งที่ปลายทางแห่งความสำเร็จ

แต่จงอย่ าลืมมอง ส ะ เ ก็ ด แ ผ ล ที่ได้รับจากขวากหนามที่ผ่ านมา เพราะนั้นคือสิ่งที่พาคุณมาจนถึง “วันนี้”

 

4. การ “ทำงานหนัก” ไม่เกี่ยวกับความร่ำร วย

ถ้าการทำงานหนักคือความร วย วันนี้คุณคงเห็นคนร วยเต็มบ้านเต็มเมืองไปหมดแล้ว

จงอย่ าเชื่อคำสอนที่ผู้ใหญ่หลาย ๆ คน ชอบพูดบ่อย ๆ ว่า

“ความร วยเกิดจากการทำงานหนัก” อย่ างเด็ดข าด เพราะความร วยที่แท้จริงนั้นเกิดจาก

ความถนัดและเชี่ยวชาญในงาน ถ้าคุณเป็นคนทีมีความสามารถเฉพาะทาง

ผลตอบแทนของคุณก็ย่อมจะสูงขึ้น ลองคิดดูสิว่า

 

ถ้าคุณสามารถขึ้นเป็น Top 5 ของสายอาชีพที่คุณทำอยู่ได้ รายได้ของคุณจะมากขึ้นแค่ไหน

การวางแผนการเ งิน แน่นอน ถ้าคุณรู้จักเก็บออมและเอาเงิ นไปลงทุนชนิดที่เรียกว่า “ถูกที่และถูกเวลา”

แค่การเก็บเงิ นเดือนละ 5,000 บาทก็อาจจะทำให้คุณเป็นมหาเศรษฐีโดยที่ไม่รู้ตัว

การทำธุรกิจ ถ้าคุณทำธุรกิจประสบความสำเร็จ แน่นอนว่าเ งินท องจะไหลมาเทมา

และมันยังมีหนทางอื่น ๆ อีกมากมาย เพียงแต่คุณต้องตามหามันให้เจอเ สียก่อน คุณถึงจะมองเห็นมัน …

 

5. ยิ่งทำงานหนักเท่าไร ยิ่งต้องเห็นคุณค่าของเวลา

เวลาเป็นสิ่งมีค่าที่แสนจะหาย าก …. ถ้าลองมองหาตามท้องถนน

คุณจะพบคนที่ใส่นาฬิกา แต่พวกเขาเหล่านั้นกลับรู้สึกว่า

ไม่มีเวลาแม้แต่จะหยุดฟังเ สียงหัวใจตัวเอง คุณค่าของเวลาในมิติแรก คือ “ความอาวุโสจากการทำงานหนัก”

ยิ่งเวลาผ่ านไปนานเท่าไร คุณยิ่งไม่สามารถทำตัวเหมือนเด็ กที่เพิ่งเข้าทำงานได้อีกต่อไป

ใช่ครับ!! คุณไม่สามารถทำตัวงี่เง่ากระจองอแงได้เมื่อคุณกลายเป็นหัวหน้า

คุณไม่สามารถตัดสินใจผิ ดพลาดได้เมื่อคุณกลายเป็นผู้บริหาร

 

ดังนั้นจงใช้เวลาในการทำงานหนักของแต่ละช่วงพัฒนา “วัยวุฒิ” และ “ความเก๋า” ให้มากที่สุด

อย่ าลืมถามตัวเองเสมอว่าตอนนี้เราเป็นใคร เรากำลังจะไปที่จุดไหน

และสิ่งที่กำลังทำอยู่ในวันนี้มันใช่หรือไม่ เพราะเราไม่สามารถย้อนเวลากลับไปได้

คุณค่าของเวลาในมิติที่สอง คือ “ความเชี่ยวชาญในการบริหารเวลา” นอกจากความเก๋าที่ได้จากการทำงานหนัก

อย่ าลืมสร้างความเชี่ยวชาญในการ “บริหารเวลา” ให้กับด้านอื่น ๆ ของชีวิตด้วย เพราะเมื่องานหนักถึงจุดหนึ่ง

สิ่งที่เราจำเป็นต้องทำมักถูกผัดผ่อนด้วยคำว่า “เดี๋ยวก่อน” หรือ “ไว้ทีหลัง” ซึ่งท้ายที่สุดแล้วมันจะกลายเป็นคำว่า “ไม่ได้ทำ”

 

โปรดอย่ าลืมว่า คุณไม่สามารถไปงานวันพ่อของลูกคุณได้เมื่อตอนเขาเข้ามหาวิทย าลัย

คุณไม่สามารถทาน อ า ห า ร ร่วมกับพ่อแม่ได้เมื่อท่านอยู่ใน โ ล ง ศ พ

และคุณไม่สามารถมี สุ ข ภ า พ ที่ดีได้ในวันที่คุณตรวจพบมะเ ร็งระยะสุดท้าย

ดังนั้นไม่ว่าเวลาจะหนักอย่ าลืมบริหารเวลาให้กับด้านอื่น ๆ ของชีวิตด้วย

 

ขอบคุณที่มา : sabailey

Load More Related Articles
Load More By erz
Load More In เรื่องน่ารู้
Comments are closed.

Check Also

ตัวเราก็มีค่า ในแบบตัวเรา

เมื่อชีวิตต้องพบ กับความผิดหวัง แพ้พ่าย เสี ยใจ การมีใค … …