Home เรื่องน่ารู้ วิ ธีเลิกอ่อนแอ ชีวิตไม่ต้องพึ่งพาคนอื่น

วิ ธีเลิกอ่อนแอ ชีวิตไม่ต้องพึ่งพาคนอื่น

2 second read
ปิดความเห็น บน วิ ธีเลิกอ่อนแอ ชีวิตไม่ต้องพึ่งพาคนอื่น
0
327

1. เลิกพึ่งพาคนอื่น

เวลารู้สึกไม่สบอ ารมณ์เรื่องความสัมพันธ์กับคนอื่น สาเหตุใหญ่มักมาจากการที่ต้องอาศัยคนอื่น

เมื่อเราเริ่มพึ่งพาคนอื่นเมื่อไร พอไม่มีคนนั้น อนาคตของตัวเองก็จบสิ้น

หมายความว่าชีวิตของตัวเองจะเป็นไปในทิศทางไหนก็ขึ้นอยู่กับคนอื่นเป็นหลัก

ทางที่ดีควรเปลี่ยนจากการพึ่งพาคนอื่นเป็นเรียนรู้จากคนอื่นจะดีเสี ยกว่า

คนที่พึ่งพาคนอื่นเป็นประจำมีแนวโน้มเป็นคนชอบ “โ ทษคนอื่น” หางานทำไม่ได้ก็โ ทษโรงเรียน

งานไม่ราบรื่นก็โ ทษหัวหน้า โ ทษเพื่อนร่วมงาน ฯลฯ การโ ทษคนอื่นไปเสี ยทุ กอย่ างอาจเป็นเรื่องง่าย

แต่สุดท้ายจะกลายเป็นว่าตัวเองถูกคนอื่นควบคุม หากอย ากเข้มแข็งและแข็งแกร่งขึ้นง่ายนิดเดียว

แค่คิดด้วยตัวเอง ตัดสินใจด้วยตัวเอง และรับผลจากการตัดสินใจนั้นด้วยตัวเอง และรับผลจากการตัดสินใจนั้นด้วยตัวเอง

คนที่ชอบพึ่งพาคนอื่นคือคนที่ไม่คิดเอง ไม่ตัดสินใจด้วยตัวเอง ทำให้ต้องไหลไปตามคำพูดของคนอื่น

ต้องพึ่งพาคนอื่น และไม่มีทางที่จะเข้มแข็งและยืนหยัดได้

 

 

2. เลิกทุ กข์ใจเรื่องป มด้ อย

ถ้ามัวแต่ทุ กข์ใจเรื่องปมด้ อยก็อาจเกิดข้อเสี ยได้ เช่นคำว่า “คนอย่ างฉันทำไม่ได้หรอก”

และนิสัยนี้ทำให้กลายเป็นคนที่ดูถู กคนอื่นว่า “ห ม อนั่นก็ทำไม่ได้หรอก”

ลองนำปมด้ อยของคุณมาเป็นอ า วุ ธดังเช่นคนต่อไปนี้ บางคนกลุ้มใจที่ตัวเองผิวแห้ง

จึงเปิดกิจการร้านเสริมสวย บางคนลำบากที่ตัวเองเป็นผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง

จึงเปิดร้านออนไลน์ขายผลิตภัณฑ์แก้ภูมิแพ้ คนที่อย ากแต่งงานแต่ไม่มีโอกาสได้เจอผู้คน

ก็จัดกิจกร รมหาคู่ คนที่เคยทุ กข์ร้อนจากการหย่ าร้าง ก็เปิดบริษัทที่ปรึกษาด้านการหย่ าร้าง

จริง ๆ แล้วปมด้ อยที่คุณกังวลจะช่วยสร้างตลาดใหม่ได้ ไม่ว่าจะวิกผม การปลูกผม

การลดน้ำหนัก เสริมสวย หรือเรียนภาษาอังกฤษ ทั้งหมดล้วนเป็นธุรกิจที่เกิดจากปมด้ อยด้วยกันทั้งนั้น

ปมด้ อยที่นำไปสร้างเป็นธุรกิจได้นั้น คนส่วนใหญ่คงรู้สึกว่าไม่น่าทำได้จริง แต่จริง ๆ แล้ว

ปมด้ อยก็เป็นสิ่งที่ “เราคิดไปเอง” คนส่วนใหญ่ไม่ได้สนใจขนาดนั้น

ลองบอกกับเพื่อนว่า “ช่วงนี้รู้สึกอ้วนขึ้น” อีกฝ่ายก็ตอบผ่ าน ๆ ว่า “เหรอ ก็คงใช่มั้ง”

หรือถ้าบอกว่า “ช่วงนี้ผมหงอกขึ้นเยอะจัง” อีกฝ่ายก็ตอบแค่ “อายุสามสิบกว่าก็งี้แหละ”

คนอื่นไม่ได้มองหรือสนใจเราเหมือนอย่ างที่กังวลขนาดนั้น

อย่ างปมด้ อยที่พูดไปก่อนหน้านี้ ทุ กคนก็คงแค่รับรู้และไม่ได้ใส่ใจเป็นพิเศษ

ทุ กอย่ างมีสองด้าน เรื่องที่คุณคิดว่าเป็นจุดอ่อนก็สามารถเปลี่ยนเป็นจุดแข็งได้

 

3. ทิ้งเรื่องกังวลใจ

แต่ละคนมีเรื่องที่ต้องกังวลแต กต่างกันไป เช่น เรื่องงาน เงิ น การแต่งงาน

ชีวิตหลักเกษียณ การประชุมสัปดาห์หน้า หรือการพรีเซ้นต์งานใหญ่กับลูกค้า

แต่เรื่องส่วนใหญ่ถึงจะกังวลไปก็ไม่มีประโยชน์ เพราะเป็นอนาคตที่ยังไม่เกิดขึ้น

และไม่รู้ว่าจะเป็นอย่ างไร ความกังวลกับเรื่องที่ยังไม่เกิดก็เป็นแค่การคิดไปเอง

ซึ่งทำให้เสี ยเวลาและพ ลั งใจ ไม่ช่วยให้เติบโต การจะขจัดความกังวลได้นั้น

มีแต่ต้องลงมือทำอย่ างเป็นรูปธรรมเท่านั้น วิ ธีขจัดความกังวลว่าจะพรีเซ้นต์งานได้ดีหรือเปล่า

มีเพียงการฝึกซ้อม เตรียมเอกส า รให้พร้อม คาดเดาหัวข้อที่น่าจะโดนสอบถามล่วงหน้า

ให้ทุ กคนช่วยคอมเมนต์ แล้วแก้ไข ฝึกซ้อมซ้ำ ๆ ให้พูดได้โดยไม่ต้องมองเอกส า ร

รวมถึงกิริย าท่าทางและการใช้มือเพื่อดึงดูดความสนใจ แต่ถ้านึกวิ ธีจัดการอย่ างเป็นรูปธรรมไม่ออก

แสดงว่าความกังวลนั้นยังคลุมเครือ แค่รู้สึกกังวลเฉย ๆ แต่จับความรู้สึกได้ไม่แน่ชัดว่ากังวลเรื่องอะไร

แบบนี้ย่อมนึกวิ ธีแก้ไขไม่ออก ความกังวลก็ไม่มีทางหายไป ดังนั้นหาให้เจอชัด ๆ ก่อนว่ากังวลเรื่องอะไร

ถ้ากังวลเรื่องสุ ข ภ า พ ให้เปลี่ยนวิถีการดำเนินชีวิต เลือกกินอ า ห า รที่มีประโยชน์ต่อสุ ข ภ า พ

หลีกเลี่ยงสภาพแวดล้อมที่ทำให้เ ค รี ย ดเกินไป เมื่อเจอแนวทางไปสู่การปฏิบัติอย่ างเป็นรูปธรรม

เราก็หาวิ ธีแก้ไขแล้วลงมือทำทีละอย่ าง แม้จะขจัดความกังวลไม่ได้ทั้งหมด แต่สามารถบรรเทาลงได้

 

 

4. เลิกโ ทษตัวเอง

การโ ทษตัวเองเป็นกับดัก เพราะบางครั้งทำให้เรามัวแต่คิดว่า “เรานี่แ ย่ขนาดไหน”

พอตำหนิตัวเองว่า “เราแ ย่มากที่ไม่ระมัดระวั งให้ดี” หรือ “สื่อส า รได้แ ย่อย่ างนี้

เราคงไม่มีทางประสบความสำเร็จหรอก” มีแต่ทำให้ทุ กข์ใจมากขึ้น

เมื่อไม่ยอมรับตัวเองมาขึ้นเท่าไหร่ เราจะตั้งขีดจำกัดว่า “ยังไงเราก็ทำได้แค่นี้”

และหาเหตุผล “แก้ตัวให้ตัวเองไม่ต้องทำ” การโ ทษคนอื่นไม่ทำให้ตัวเองเติบโต

แต่การเอาแต่ตำหนิตัวเองอย่ างเดียวก็ย ากที่จะก้าวไปข้างหน้าได้

ทำให้เมื่อต้องเจอกับสถานการณ์แบบเดียวกันอีกก็จะตื่นกลัวมากเกินความจำเป็น

ต่อให้มีศักยภาพพอจะก้าวข้ามสิ่งนั้นจริง ๆ แต่ก็อาจทิ้งโอกาสของตัวเอง

เพราะคิดว่า “ไม่น่าจะไหว เมื่อก่อนเราก็ทำไม่ได้นี่”

แต่ถ้านิย าม “ความสำเร็จเฉพาะตัวได้” ต้องใช้เกณฑ์ความรู้สึกพึงพอใจว่าเป็นสภาพที่ตัวเราเองยอมรับได้

ไม่เสี ยใจภายหลัง ทำให้เรารู้สึกพอใจมากและมีรอยยิ้ม

เช่น บางคนพอใจกับการทำงานอย่ างบ้ าคลั่ง ในขณะที่บางคนกลับทำงานนิดหน่อยพอแค่ให้ตัวเองได้เที่ยว

และมีความสุข เลิกโ ทษตัวเองตั้งแต่วันนี้ แล้วก้าวไปข้างหน้าอย่ างมีความสุขและเข้มแข็ง

 

ขอบคุณที่มา : jingjai999

Load More Related Articles
Load More By erz
Load More In เรื่องน่ารู้
Comments are closed.

Check Also

ตัวเราก็มีค่า ในแบบตัวเรา

เมื่อชีวิตต้องพบ กับความผิดหวัง แพ้พ่าย เสี ยใจ การมีใค … …