Home เรื่องน่ารู้ ทำไมคนเรียนเก่ง เจอชีวิตจริงแล้วลำบาก

ทำไมคนเรียนเก่ง เจอชีวิตจริงแล้วลำบาก

0 second read
ปิดความเห็น บน ทำไมคนเรียนเก่ง เจอชีวิตจริงแล้วลำบาก
0
275

1. การใช้ชีวิตจริงไม่ได้มีให้เรียนรู้ในโรงเรียน

โรงเรียนสอนวิชาเลขว่าคิดเลขอย่ างไร สอนวิชาเคมีว่าต้องรู้สูตรว่าอะไรผสมอะไรจะออกมาเป็นอะไร

ไม่ใช่หลักสูตรพวกนี้ไม่ดี แต่หลักสูตรของโรงเรียนไม่ได้มีความสมบูรณ์แบบทั้งหมดต่างหาก

ใช่ว่าการเข้าไปโรงเรียนและเรียนรู้วิชาเลข วิทย าศาตร์ สุขศึกษาได้หมดคือครบจบแล้ว

แต่มันยังข าดสิ่งที่มีความจำเป็นอย่ างมากอยู่ นั่นก็คือหลักสูตรการใช้ชีวิต

ที่ถือว่ามีความสำคัญมากที่สุดเลยก็ว่าได้ แต่กลายเป็นว่าโรงเรียนส่วนใหญ่

กลับไม่มีสอนเ ด็กที่เดินออกมาใช้ชีวิตจริง ว่าต้องคิดอย่ างไร ต้องปรับตัวอย่ างไร

 

2. ชีวิตเป็นเรื่องไม่มีบทเรียนกำหนด

ถ้าคุณเรียนจบแล้ว จงจำไว้ว่าที่คุณได้เรียนรู้ในโรงเรียนไม่เพียงพอที่จะนำไปสู่ชีวิตที่ดีได้

จงอย่ าเชื่อสุ่มสี่สุ่มห้าในสิ่งที่คนอื่นบอกเล่าว่าตั้งใจเรียนวิชานี้ให้เก่งสิ จะเป็นโปรแกรมเมอร์

เป็นห ม อ เป็นวิศวกรเก่ง ๆ เพราะนั่นไม่ใช่วิ ธีเดียวที่จะทำให้คุณเก่งหรือประสบความสำเร็จ

ในวิชาชีวิตข้างหน้าได้เลย เพราะถึงแม้ว่าคุณจะได้เกรด 4 วิชาเลขตอนเรียน

ก็ไม่ได้หมายความว่าอนาคตตอนทำงานคุณมีชีวิตที่โรยด้วยกลีบกุหลาบ

และประสบความสำเร็จได้สูงมากกว่าปกติ การฝึกฝนและเรียนรู้ในสิ่งที่คุณทำต่างหาก

คือบทเรียนที่จะกำหนดความเป็นไปของคุณ

 

3. ไม่รู้จักผลของความผิด

จะพูดว่าไม่รู้จักข้อผิ ดพลาดอะไรเลยก็ไม่ถูกซะทีเดียว เอาเป็นว่ายังไม่รู้จักผลของการกระทำที่ผิ ดพลาดดีกว่า

เพราะว่าในชีวิตวัยเรียน ถึงแม้เราผิ ดพลาดบ่อยหรือมากมายขนาดไหนก็ยังไม่ร้ า ยแรงถึงขั้นล่ มสลาย (เจ๊ง) ได้

ยังมีพ่อแม่ คุณครูที่คอยประคับประคองอยู่ ต่างจากเมื่อคุณหลุดออกจากรั้ว เริ่มเข้าสู่สนามรบของชีวิตจริงแล้ว

มันจะไม่มีใครช่วยคุณได้นอกจากตัวคุณเองและมันแทบจะไม่มีโอกาสให้คุณได้แก้ตัวหรือกลับหลังหันไปเริ่มใหม่ได้ด้วยซ้ำ

ดังนั้นส่วนใหญ่ที่เราเห็นกันบ่อย ๆ คือเ ด็กที่อาจไม่ได้เรียนเก่งแต่เมื่อออกมาข้างนอกกลับใช้ชีวิตได้ดีกว่า

พวกคนที่เรียนเก่งก็เพราะว่าคนเหล่านั้นรู้จักข้อผิ ดพลาดและเคยเผชิญด้วยตัวเองแล้ว

แต กต่างกับเ ด็กที่ไม่เคยออกมาสู่สนามรบและในโรงเรียนก็ไม่มีบทเรียนสอนให้รับมือเลย

ดังนั้นมันคงจะดีมาก ถ้าพวกหลักสูตรในโรงเรียนจะสอนให้พวกเขารู้จักยอมรับและเข้าใจข้อผิ ดพลาด

ที่อาจเจอในการใช้ชีวิตข้างหน้า จะได้รู้จักเตรียมตัวรับมือกันก่อนเผชิญโลกจริง

 

4. แ ก่นแท้ไม่ออก

ทุ กวันนี้หลักสูตรและการใช้ชีวิตในโรงเรียนส่วนใหญ่คือการทำตาม ไม่ใช่การเรียนรู้ ครูสั่งงาน เด็ กทำตาม

เด็ กไม่กล้าตั้งคำถามเพราะกลัวครูดุและครูก็สอนไปเพราะมันเป็นหลักสูตร

แต่กลับไม่ได้รู้ว่าจริงแต่ละคนมีอะไรเหมือนหรือไม่เหมือนกันในการเรียนรู้หรือเปล่า

สรุปคือคนเรียนเก่งกลายเป็นคนที่ทำตามได้ถูกต้องตามที่สั่ง มากกว่าเด็ กที่คิดแต กต่างและคิดเป็น

แทนที่ทุ กคนจะมีความแต กต่างกลับกลายเป็นเหมือนกันไปหมด

คนเรียนเก่งหลายคนที่จบมาแบบไม่รู้จักตัวเองด้วยซ้ำว่าอย ากเป็นอะไร มารู้ตอนเริ่มต้นใช้ชีวิตจริงว่าชอบอะไร

อย ากทำอะไร สุดท้ายก็ต้องมาเรียนรู้ใหม่ ใช้ชีวิตใหม่ ในขณะที่คนอื่นไปถึงไหนกันแล้ว

 

5. ไร้จุดหมาย

อย่ างที่เราบอกไปข้างต้นครับว่าชีวิตส่วนใหญ่ในโรงเรียนคือการทำตามมากกว่าการเรียนรู้

ดังนั้นไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมคนที่เก่งในชั้นเรียนถึงสู้ไม่ไหวเมื่อต้องลงสนามชีวิตจริง

เพราะนอกจากจะไม่มีประสบการณ์ในการเผชิญและเอาตัวรอดแล้ว

ในโรงเรียนยังไม่สอนให้ปลดล็อคความสามารถหรือค้นพบตัวเองอีกด้วย

แต กต่างกับเด็ กที่ถึงแม้เรียนไม่เก่งแต่ก็ได้ลุยออกไปเผชิญอะไรใหม่ ๆ

ได้คิด ได้ทำ จึงดิ้นรนอยู่ในสังคมได้แบบลอยตัวมากกว่า

 

ขอบคุณที่มา : jingjai999

Load More Related Articles
Load More By erz
Load More In เรื่องน่ารู้
Comments are closed.

Check Also

ตัวเราก็มีค่า ในแบบตัวเรา

เมื่อชีวิตต้องพบ กับความผิดหวัง แพ้พ่าย เสี ยใจ การมีใค … …