Home ข้อคิดดีๆ ผ่ านมาครึ่งนึงแล้ว กว่าจะเข้าใจชีวิต (เขียนไว้ดีมาก)

ผ่ านมาครึ่งนึงแล้ว กว่าจะเข้าใจชีวิต (เขียนไว้ดีมาก)

4 second read
ปิดความเห็น บน ผ่ านมาครึ่งนึงแล้ว กว่าจะเข้าใจชีวิต (เขียนไว้ดีมาก)
0
707

เป็นอีกหนึ่งบทความดี ๆ ที่ให้แง่คิดการใช้ชีวิตอย่ างมีคุณค่า คนเราพออายุใกล้ 30 เรามีความสุขกับเสื้อผ้า กระเป๋าน้อยลง

แต่ความสุขของเราเริ่มเกิดขึ้นเมื่อรู้ว่าต่อจากนี้จะใช้ชีวิตยังไง ถึงจะมีความสุขในแบบของตัวเอง

เราอย ากโทรหาพ่อแม่ทุ กครั้งที่มีเวลา เราอย ากสำเร็จให้เร็วที่สุดเพื่อให้พ่อแม่ได้เกษียณ พักผ่อนตามอัธย าศัย

เพราะเราก็คงอย ากทำแบบเดียวกันตอนอายุเท่าพ่อแม่ การตั้งใจหาเงิ นเป็นสิ่งที่ถูกแล้ว ถ้ายังไม่สำเร็จก็ขยันไปเถอะ

แต่ การตั้งใจไม่ได้แปลว่าต้องให้งานเป็นทั้งหมดของชีวิต ต้องสร้างต้นทุน สุ ข ภ า พ ให้ได้ก่อน สุ ข ภ า พ

เป็นการลงทุนระยะย าว ยังไม่เห็นผลตอนนี้แต่ ก็ต้องทำเพื่อให้มีแรงต่อยอดต้นทุนอื่นที่เหลืออยู่มาจะครึ่งคนแล้ว

เราจะไม่หนีปัญหาเพราะในชีวิตไม่ว่าเรื่องอะไร ถ้าเราละเลยในวันนี้ มันจะวกกลับมาหาอีกในวันหน้า ไม่ช้าก็เร็ว

แต่มาแน่นอน เราไม่เอาเรื่องดราม่าในชีวิตมาบ่นใน เ ฟ ซ บุ๊ ก ถึงโพสต์แล้วมันทำให้ได้ ร ะ บ า ย

แต่เพื่อนทุ กคนใน เ ฟ ซ บุ๊ ก ไม่ได้ต้องการเป็นที่ ร ะ บ า ย ถ้าจะมีคงเป็นแค่เพื่อนบางคน และเราเลือกที่จะคุยกับเค้าในชีวิตจริงมากกว่า

การเลิกแล้วต่อกันโดยไม่ยึดติ ดกับความคิดตัวเองว่าเราผิดหรือไม่ผิด มันทำให้ชีวิตไปต่อได้ อย่ าติ ดอยู่กับกับดักอ ารมณ์นาน ๆ

ปล่อยให้ความจริงปกป้องเราเอง จบที่ใจตัวเองให้ได้ ความรักเวลาคบกันไปนาน ๆ เรื่องที่เค้าทำให้เรามาตลอด

เราได้รับจนชินก็จะไม่เห็นคุณค่า กลายเป็นว่าสุดท้ายจะไม่มีอะไรดีเลยเพราะเราคาดหวังมากขึ้นเรื่อย ๆ

วิ ธีแก้คือ ให้กลับบ้าง จะได้รู้ว่าการทำอะไรให้ต่อเนื่องสม่ำเสมอมันก็แสดงว่าเค้ารักเรามากแค่ไหนตอนเด็ กจะใส่เสื้อยืดกางเกงยีนส์ไปไหนก็ได้

ตอนโตสังคมคนทำงาน ภาพลักษณ์เป็นสิ่งที่สำคัญมากวันไหนแต่งตัวดีจะรู้สึกเหมือนฟ้าเปิดงานราบรื่น ความจริงคนตัดสินกันที่ภายนอกมันก็ปกติ

เพราะยังไม่รู้จักก็ต้องดูจากที่เห็นก่อน แต่บุคลิกภาพดีไม่ได้แปลว่าต้องแต่งตัวร วย

หรือสวย เราว่ามันคือความลงตัวและรู้จักก าละเทศะมากกว่า รอยยิ้มเป็นสะพานเชื่อมมิตรภาพกับคนใหม่ ๆ

ฝึกยิ้มให้คนไม่รู้จัก ถึงจะแป๊กบ้างแต่ก็ยังมีโอกาสได้รู้จักเพื่อนดี ๆ อย่ าติ ดพูดคำว่าเดี๋ยว ถ้าจะทำต้องทำเลย

เพราะถ้าไม่ทำเลยก็จะมีเรื่องอื่นมาแทรกจนสุดท้ายไม่ได้ทำเทคโนโลยีเป็นเรื่องที่ต้องรีบตามให้ทัน ไม่ใช่แค่ถูก Disrupt

แต่เพราะเป็นทางลัดของอะไรหลาย ๆ อย่ างได้ ต้นทุนลด โตแบบก้าวกระโดด มีโอกาสทั้งนั้น

คิดให้มาก ทำให้มากกว่า เรามองเห็นเพื่อนหลายคนที่โตมาด้วยกันมีเส้นทางชีวิตที่ต่างกันออกไป แม้จะไม่ได้คุยกันเลย

แต่เชื่อว่า เพื่อนก็ยังเป็นเพื่อนอยู่เสมอโอกาสมักมาตอนได้เจอคนใหม่ ๆ หรือไปในสถานที่ใหม่ ๆ

ทุ กวัน กินข้าวให้อิ่ม หลับให้สนิท รักตัวเองให้เยอะ ๆ เราอยู่ในโค้งสุดท้ายของวัยที่ยังลองผิดลองถูกได้

ช่วงนี้จะถามตัวเองบ่อย ๆ ว่ายังมีอะไรที่อย ากลองอีกไหม? ถ้าธุรกิจยังไม่นิ่งอย่ าเพิ่งดึงเ งินออก

เพราะถ้าเจอ วิ ก ฤ ติ จะพังทั้งระบบเลย ยิ่งถ้าสายป่านสั้น cashflow ยิ่งสำคัญมาก ๆ

มีเด็ กหลายคนที่ประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อย และมีผู้ใหญ่หลายคนที่ประสบความสำเร็จตอนอายุมากแล้ว

เพราะฉะนั้น มันไม่ได้เกี่ยวกับอายุแบ่งเวลาอยู่ในโลกออนไลน์ให้พอดี อะไรที่มากเกินไปย่อมมีโ ทษเสมอ

ถ้าต้องยกเลิกอะไรกับใคร ตัดสินใจได้แล้วให้รีบบอกทันที อย่ ารอให้ตัวเองกล้าพูดแล้วค่อยบอก

เพราะจะทำให้คนอื่นแก้ปัญหาไม่ทันเราอยู่ในวัยที่มีมากพอที่จะแบ่งปัน เป็นผู้ให้ย่อมสุขกว่าเป็นผู้รับ

ความเป็นผู้นำ และการทำงานเป็นทีมจะช่วยให้สำเร็จได้ไวขึ้น เราเชื่อในพลังของ Teamwork

การคบเพื่อนที่หลากหลาย ทำให้เราต่างเติบโตทางความคิดได้มากคนเก่งแต่ไหนถ้าเจอปัญหาครอบครัวเข้าไป

ส่วนใหญ่ performance ลดลงเกิน 80% ดูแลความสัมพันธ์ในครอบครัวสำคัญสุด

ถ้ายังไม่สำเร็จ ลองเปลี่ยนวิ ธีการไปเรื่อย ๆ อย่ าทำแบบเดิมซ้ำ ๆ การเปิดใจฟังคำวิ จ า ร ณ์ ช่วยให้เราได้รู้ว่าสิ่งที่ต้อง รีบแก้ไข คืออะไร

พออายุมากขึ้น อย่ าเพิ่งลืมความฝันวัยเด็ กที่เคยมี พ่อแม่ยังมองว่าเราเป็นเด็ กเสมอ แม้วันนี้จะเป็นผู้ใหญ่แล้ว ไม่จำเป็นต้องต่อต้าน

แค่เข้าใจก็พอการทำงาน ไหน ๆ ก็ต้องใช้เวลาทำเหมือนกัน ทำให้ดีทุ กครั้งไปเลย อย่ างน้อยเราได้ฝึกพัฒนาตัวเองไปด้วย

หากมีเพื่อนหรือใครมาขอความช่วยเหลือ อย่ าช่วยในสิ่งที่ตัวเองต้องมานั่งกลุ้มภายหลัง

ความจริงถ้าเค้าเห็นเราเป็นเพื่อน เค้าคงไม่ทำให้เราต้องลำบากใจตั้งแต่แรก

การตัดสินในช่วยเหลือใคร แค่เราหวังดีอย่ างเดียวไม่พอ ต้องดูที่ตัวเค้าด้วยว่า ได้พย าย ามแล้ว มากแค่ไหนความกดดันแบบสุดขีด

มักทำให้เราเห็นศักยภาพสูงสุดของตัวเอง และช่วงเวลาที่ต กต่ำที่สุด จะกลายเป็นเรื่องเล่าที่ดีที่สุดในวันที่เราผ่ านมันไปได้เวลาตอบคำถามใคร

ถ้าเกินจากที่รู้ให้ตอบว่าไม่รู้ อย่ าแกล้งทำเป็นรู้ กล้าถามแค่ครั้งเดียว ดีกว่ากลับไปแล้วทำอะไรต่อไม่ได้เลย

เรามักละเลยคนใกล้ไปทำดีกับคนไกล แต่เมื่อเจอปัญหาคนใกล้ต่างหากที่ไม่เคยทิ้งเราระมัดระวั งทุ กการกระทำ

คนเราทำดีร้อยครั้งจำไม่ได้ ทำผิดครั้งเดียวจำไม่ลืมอย่ าพย าย ามสอนใคร ถ้าเค้ายังไม่พร้อมที่จะเปิดใจรับฟัง

ยิ่งโตขึ้นยิ่งมีแต่เรื่องให้ต้องตัดสินใจ แต่ไม่ว่าตัดสินใจถูกหรือผิดยังไง ชีวิต ก็ยังต้องเดินหน้าต่อไปเท่านั้น แม้แต่คนที่เรา เ ก ลี ย ด ที่สุด

ก็ให้บทเรียนที่ดีที่สุดกับเราได้ ทุ กอย่ างเป็นประสบการณ์ในการพัฒนาตัวเองได้หมด แค่ต้องคัดกรองให้เป็นว่าเรื่องไหนควรรับ

เรื่องไหนควรทิ้งอย่ าเป็นคนขี้ อิ จ ฉ า เวลาเห็นคนอื่นสำเร็จ อะไรที่มันเป็นของเรา มันก็จะเป็นของเรา

 

สิ่งที่ทำให้เราเปลี่ยนแปลงชีวิตได้มากมีสองสาเหตุ

1.พลังบวก

2.คือความเ จ็ บ ป ว ด ขั้นสุด

 

คนร วยจะเก่งในการลดเวลาทำงานที่เนื้ องานไม่สร้างมูลค่า 20 กว่าปีที่ผ่ านมา เป็นวัยที่ทำมาหากินอย่ าง รุ น แ ร ง

ช่วงชีวิตต่อไป ต้องเริ่มบริหารทุ กด้านให้เป็นระบบกว่านี้

และสุดท้าย กว่าจะรู้ว่าชีวิตคืออะไร เราก็ใช้มันไปแล้วครึ่งชีวิตใจนึงก็กลัวตัวเลข 30

แต่อีกใจก็อย ากขอบคุณที่วันนี้มุมมองชีวิตเปลี่ยนไปเยอะเหมือนกัน

 

ขอบคุณที่มา : sabailey

Load More Related Articles
Load More By erz
Load More In ข้อคิดดีๆ
Comments are closed.

Check Also

ตัวเราก็มีค่า ในแบบตัวเรา

เมื่อชีวิตต้องพบ กับความผิดหวัง แพ้พ่าย เสี ยใจ การมีใค … …