หากคุณเป็นคนหนึ่งที่ใช้รถบ่อย ๆ ในการเดินทาง แน่นอนว่าการใช้รถย่อมเกิดอุ บั ติ เ ห ตุ ขึ้นได้
เพียงแต่จะเกิดขึ้นเมื่อไหร่นั้นเราไม่สามารถรู้ได้ ฉนั้นสิ่งที่จำเป็นคือ เราควรรู้จักการเอาตัวรอ ดในเบื้องต้น
เมื่อมีเหตุเกิดขึ้น และวันนี้เราก็มีเรื่องเกี่ยวกับ คันเร่งรถค้าง มาฝากกัน
ปัญหาคันเร่งค้างเคยเป็น ข่ า ว อุ บั ติ เ ห ตุ ที่ น่า ก ลั วอ ย่ า งที่เราเคยเห็นกัน มาบ้างแล้ว
วันนี้เราจึงนำเรื่องราวดีๆที่จะช่วยให้เราสามารถควบคุม ส ติ และควบคุมรถของเรา
เมื่อเกิดอาการคันเร่งค้างขึ้น ควรทำอ ย่ า งไรจึงจะป ล อ ด ภั ย
ในทันทีที่รู้ตัวว่า คันเร่งรถค้าง ให้เรารีบใส่เกียร์ว่างหรือเกียร์ N ทันที เพราะจะทำช่วยให้ล ดความเร็วของรถลงได้
แล้วให้เราค่อยๆชะลอรถด้วยการเหยียบเบรกเบาๆ ห้ามเหยียบเบรกเร็วหรือแรง
เพราะถ้ารถวิ่งมาด้วยความเร็วสูงอาจทำให้รถ พ ลิ ก คว่ำได้
เมื่อชะลอความเร็วรถลงได้แล้ว ค่อยๆ ประคองรถเข้าข้างทาง ดับเครื่องแล้วติ ดต่อช่างซ่อมรถ
หรือศูนย์เพื่อนำรถไปตรวจเช็คอาการผิ ดปกติต่อไป ไม่ค ว ร ฝื น ขั บต่อเพราะอาจทำให้เกิดอั น ต ร า ย ขึ้นได้
สิ่งต้องห้าม เมื่อเกิดอาการคันเร่งค้าง คือ ห้ามดับเครื่องรถทันที เพราะเมื่อรถกำลังวิ่งด้วยความเร็วนั้น
การดับเครื่องจะทำให้พวงมาลัยล็ อค และไม่สามารถควบคุมทิศทางของรถได้ จงจำไว้ว่า
อ ย่ าต กใจจน ดั บเครื่องเพื่อหวังให้รถหยุดโดยเด็ดข า ด เพราะการดับเครื่องจะทำให้ อั น ต ร า ยมากยิ่งขึ้น
หากเกิดเหตุคันเร่งค้าง ห้ามดึงเบรกมือโดยเด็ดขา เพราะจะทำให้รถเ สี ยหลักและอาจ
หมุ น จ น พ ลิ กคว่ำหรือไปช น กับรถคันอื่นได้ ดังนั้นหากเรารู้สึกว่ารถมีอาการผิ ดปกติ
และคาดว่าเป็นเพราะคันเร่งค้าง เราควรตั้งสติให้ดีและจำเอาไว้ 3 คำหลัก ๆ คือ
1 เข้าเกียร์ว่าง
2 แตะเบรก
3 อ ย่ าดับเครื่อง
สาเหตุหลักที่ทำให้รถมีอาการคันเร่งค้าง
การใส่รองเท้าส้นสูงขับรถ รองเท้าส้นสูงจะทำให้การขับรถทำได้ย า กขึ้นและในจังหวะ ฉุ ก เ ฉิ น
มักจะทำให้ไม่สามารถถอนคันเร่งได้ทัน เพราะส้นรองเ ท้ าดันเอาไว้
มีขวดน้ำหรือข้าวของต่างๆขวางอยู่ในขณะที่ขับรถ ทำให้ไม่สามารถถอนคันเร่ง หรือ เ ห ยี ย บ เ บ ร ก ได้ทัน
ต กใจจนเหยียบคันเร่งแทนเบรก
เบรกเ สี ย อาจเกิดเพราะระบบเบรกมีปัญหา เบรกจมหรือเบรกแต ก ทำให้การห้ามล้อใช้งานไม่ได้ รถเบรกไม่อยู่
คันเร่งจม อ า ก า ร นี้อาจเกิดขึ้น เมื่อเบรกรถแข็งจนไม่สามารถเหยียบได้ โดยเราไม่สามารถเหยียบเบรก และคันเร่งพร้อมๆกันได้
สาเหตุที่กล่าวมาข้างต้นเป็นเหตุให้เราต้องใส่ใจ และร ะ มั ดร ะวั งในการขับรถให้มากเอาไว้
เพราะอุ บั ติ เ ห ตุ ร้ า ยแ ร งอาจเกิดขึ้นจากสาเหตุเล็ก ๆ น้อย ๆ และเมื่อเราประม า ทข า ดสติ
ก็อาจทำให้เกิดอั น ต ร า ย และความสูญเ สี ยต ามมาได้
ขอบคุณที่มา : deesoulmuch